‘เคร้อยล้าน’ ปัดไม่ได้บ้า วอนทีมงาน อยากเปิดใจที่รายการ ‘โหนกระแส’

‘เคร้อยล้าน’ ปัดไม่ได้บ้า วอนทีมงาน อยากเปิดใจที่รายการ ‘โหนกระแส’

เคร้อยล้าน ปฏิเสธข้อกล่าวหา ยืนยันว่าไม่ได้บ้า วอนทีมงาน อยากเปิดใจที่รายการ ‘โหนกระแส’ ขณะที่ตำรวจเตรียมนำตัวฝากขัง เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ปทุมวัน ได้ควบคุมตัวนาย เคร้อยล้าน หลังจากที่ได้ก่อเหตุทำร้ายร่างกาย นางวรวรรณ แซ่อั้ง หรือ ป้าเป้า ขณะร่วมกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ วาดแมวหยุดขัง ที่ บริเวณสกายวอล์กหน้าห้าง MBK เมื่อช่วงเย็นของวันที่ 10 พ.ค.ที่ผ่านมา เพื่อไปฝากขังที่ศาลแขวงปทุมวัน

โดยนาย เคร้อยล้าน ได้ให้สัมภาษณ์ว่า แพทย์ให้ตนกินยารักษาอาการทางจิต 

แต่ปฏิเสธว่าตัวเองไม่ได้มีอาการบ้าตามที่ถูกกล่าวหา ส่วนพฤติกรรมที่เคยปล่อยงูที่แยกราชประสงค์ ทำลงไปเพราะก่อนหน้านี้ มีกลุ่มคนบางกลุ่มทำพิธีไสยศาสตร์ มนตร์ดำ เทเลือด เจตนาทำให้บ้านเมืองเกิดความวุ่นวาย ดังนั้น ส่วนตัวจึงนำงู และดอกไม้

ซึ่งเป็นสิ่งของศักดิ์สิทธิ์ของพระศิวะ มาทำพิธีเพื่อแก้คุณไสยดังกล่าว และทุกสิ่งทุกอย่างที่ตัวเองทำลงไปทั้งหมดนี้ อยากจะประสานทีมงาน เพื่อขอไปเปิดใจในรายการโหนกระแส ที่ผ่านมาได้ดูแลเยียวยาให้การรักษา และขอโทษ ป้าเป้า หลังจากทำร้ายร่างกายไปแล้ว เพราะสำนึกได้ว่า ป้าเป้า เป็นผู้สูงอายุคนหนึ่ง

โดยในการเดินทางเพื่อเข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ มี นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ร่วมเดินทางด้วย

โดยในวันที่ 12 พฤษภาคม 2565 นายกรัฐมนตรีจะมีกำหนดการสำคัญ ได้แก่ ผู้นำรัฐสภาสหรัฐฯ เป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารกลางวันแก่ผู้นำอาเซียน ผู้นำอาเซียนพบหารือกับผู้แทนนักธุรกิจสหรัฐฯ ณ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ โดยประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะเป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารค่ำแก่ผู้นำอาเซียน ณ ทำเนียบขาว

ทั้งนี้ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีจะเผยแพร่ข่าวตามภารกิจของนายกรัฐมนตรีอย่างต่อเนื่องต่อไป

และสถิติการยุติการตั้งครรภ์ในประเทศไทย พบว่ามีการยุติการตั้งครรภ์ประมาณปีละ 300,000 คน และผู้หญิงประมาณ 300 คน ต่อ 100,000 คน ได้รับอันตรายจากการยุติการตั้งครรภ์ ในปี พ.ศ. 2552 ประมาณการณ์ว่า มีค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลผู้ที่มีภาวะแทรกซ้อนจากการยุติการตั้งครรภ์ จำนวน 123.3 ล้านบาท ซึ่งยังไม่รวมความสูญเสียทางจิตใจ

แจ้งหรือนัดหมาย หรือนําเสนอคณะกรรมการประกวดราคาเพื่อพิจารณา ทั้งเป็นการมุ่งหมายมิให้มี การแข่งขันในการเสนอราคาอย่างเป็นธรรมเพื่อเอื้ออํานวยแก่จําเลยที่ ๕ โดยจําเลยที่ 5 ให้ได้รับการคัดเลือก ในการเสนอราคาและเป็นผู้มีสิทธิเข้าทําสัญญากับสํานักงานตํารวจแห่งชาติ และจําเลยที่ 5 โดยจําเลยที่ 5 มุ่งหมายมิให้มีการแข่งขันเสนอราคาอย่างเป็นธรรมและเอื้อประโยชน์ในการคิดคํานวณส่วนต่างกรณีมีงานลด หรืองานเพิ่มจากการตอกเสาเข็มได้ครบจํานวนตามแบบของงานก่อสร้างทั้ง ๓๙๖ หลัง อันเป็นการช่วยเหลือ หรือให้ความสะดวกในการกระทําความผิดของจําเลยที่ 3 และที่ 4 ดังกล่าว

ด่วน! ศาลพิพากษา จำคุก ‘อัญชะลี ไพรีรัก’ และ น้องสนธิ โดยไม่รอลงอาญา

ศาลอุทธรณ์พิพากษาตามศาลชั้นต้นพิพากษา จำคุก อัญชะลี ไพรีรัก และ น้องสนธิ เป็นระยะเวลา 1 ปี โดยไม่รอลงอาญา กรณีบุก NBT ปี 51 ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ได้นัดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีหมายเลขดำ อ.1033/2561 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 4 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.), น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก, นายภูวดล ทรงประเสริฐ, นายยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที แนวร่วม พธม. และนายชิติพัทธ์ ลิ้มทองกุล น้องชายของนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำ พธม.

ในความผิดฐานร่วมกันบุกรุก มั่วสุม สร้างความวุ่นวายในบ้านเมือง อั้งยี่ซ่องโจรฯ จากกรณีที่ร่วมกันบุกยึดสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (NBT) ในช่วงการชุมนุมของ พธม.เพื่อขับไล่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช เมื่อปี 2551

โดยศาลอุทธรณ์ได้ตัดสินตามศาลชั้นต้นให้จำคุก นายสมเกียรติ จำเลยที่ 1 มีกำหนด 2 ปี ส่วน น.ส.อัญชะลี จำเลยที่ 2 นายภูวดล จำเลยที่ 3 นายยุทธิยง จำเลยที่ 4 และนายชิติพัทธ์ จำเลยที่ 5 จำคุกคนละ 1 ปี โดยไม่รอลงอาญา อย่างไรก็ตาม นายสมเกียรติ จำเลยที่ 1 ได้เสียชีวิตเมื่อช่วง พ.ย.2564

คำฟ้องโจทก์ระบุพฤติการณ์ได้ระบุถึงเหตุการณ์เมื่อวันที่ 25-26 ส.ค.2551 ว่า จำเลยทั้งห้ากับพวก 85 คน ที่ศาลฎีกาพิพากษาลงโทษแล้ว ร่วมกันกระทำความผิดเป็นซ่องโจร มั่วสุมก่อการวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง โดยร่วมกันเดินขบวนในถนนสาธารณะจากบริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ และจากที่อื่นๆ โดยมีอาวุธปืน มีด ขวาน ไม้กอล์ฟ ไม้ท่อน หนังสติ๊ก ลูกเหล็ก แล้วร่วมกันบุกรุกเข้าไปในบริเวณและอาคารสำนักงานสถานีเอ็นบีที ทุบทำลายประตูหน้าต่าง ตัดสายไฟฟ้าตู้ควบคุมระบบไฟฟ้า ระบบโทรศัพท์ ระบบคอมพิวเตอร์ ระบบกล้องวงจรปิด

ทำลายระบบส่งสัญญาณการออกอากาศวิทยุโทรทัศน์ และร่วมกันข่มขืนใจพนักงานไม่ให้ปฏิบัติหน้าที่ออกอากาศและกระจายเสียง และสั่งให้ออกไปจากอาคารสถานี โดยจำเลยทั้งห้าเป็นหัวหน้าและเป็นผู้มีหน้าที่สั่งการในการกระทำความผิด อันเป็นความผิดฐานร่วมกันเป็นซ่องโจร ฐานร่วมกันทำให้เกิดการวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง ฐานร่วมกันบุกรุก และฐานร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 210, 215, 309, 358, 364 และ 365 จำเลยทั้งห้าให้การปฏิเสธ และได้รับการประกันตัว

Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป